recent posts

banner image

จบหลังกล้องไม่เคยมีอยู่จริง



ผมเคยเขียน Blog เรื่อง "จบหลังกล้องไม่เคยมีอยู่จริง" มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่มันอยู่กับ Blog เดิม ที่ผมบึ้มทิ้งไปแล้ว แล้วก็เห็นความเข้าใจผิดที่พยายามชักชวนคนมา Post "Raw" เพื่อแสดงอะไรบางอย่าง ทำให้ผมรู้สึกว่าควรจะกลับมาเขียนเรื่องนี้อีกสักครั้งน่าจะดี



ก่อนจะพูดว่าทำไม จบหลังกล้องไม่มีอยู่จริง ก็จะกล่าวถึงที่มาก่อนแล้วกัน

"ถ่าย Digital แล้วมาแต่งรูปต่อ ไม่เหมือนถ่าย Film ที่ฝีมือล้วน ๆ แน่จริงต้องต้องจบหลังกล้องสิ" 
ไอ้ Quote ข้างต้นนี่คือ Myth ล้วน ๆ มีแต่ความเมากาว แต่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่พูดอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่พูดเสียดสี คนที่ Develop เป็นว่าเป็นพวกไม่มีฝีมือ ไม่เหมือนตัวเองที่ถ่ายมาแล้วจบเลย (เพราะ Develop ไม่เป็น)

แล้วถ่าย Film มันไม่ได้จบหลังกล้องงั้นหรือ?

Nikon FM + Nikkor - O.C 35/2


ใช่ครับ มันไม่เคยมีการจบหลังกล้องตั้งแต่โลกนี้มีการถ่ายภาพอยู่แล้ว  เอาเรื่อง Film แล้วกัน กระบวนการเกิดสีสัน และรายละเอียด เกิดขึ้นจาก Step กว้าง ๆ ดังนี้

  1. Film - ใช่ครับ Film คนละยี่ห้อ คนละ Series ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ต่อให้ยี่ห้อด้วยเดียวกันด้วย ISO เท่ากันด้วยเอ้า Kodak Gold, Kodak ColorPlus มันสีสันคนละเรื่อง 
  2. กระบวนการวัดแสดง ไม่ต้องพูดถึงว่ากล้องมี วัดแสงในตัวเลย เอาแค่วัดแบบ "แสงสะท้อน" หรือ "ตกกระทบ" วัดแบบ Spot, Center Weight, Matrix, Average, Multi Blah Blah พวกนี้ผลลัพธ์ต่างกันแน่นอน
  3. Lens มีผลชัด ๆ ครับ Lens แต่ละตัว มี Character ไม่เหมือนกัน กินแสงไม่เท่ากัน 
  4. กระบวนการล้าง หรือ Develop นี่แหละ ใช้น้ำยาอะไร? ใช้อุณหภูมิเท่าใด? เวลานานขนาดไหน? ล้วนแต่มีผลทั้งสิ้น 
  5. Enlarger หรือเครื่องอัดขยาย ซึ่งต่างชนิด ผลลัพธ์ต่างกัน Lens ต่างกัน ตั้งค่าต่างกัน ผลลัพธ์ ก็ไม่เท่ากัน ไม่ต้องพูดถึงกระบวนการ เพิ่มสีสัน หรือ คุณภาพที่เกิดขึ้นตรงนี้อีก มันมีอะไรอีกเยอะ เช่น Dodge หรือ Burn ที่เป็น Basic จนถึง LR หรือการใส่ Filter ต่าง ๆ 
  6. Paper - กระดาษที่จะใช้อัดภาพก็มีหลายชนิด ผลลัพธ์ต่างกันอีก 

_DSF2072


จะเห็นได้ว่า มันมีกระบวนการแปรสีสันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเยอะมากกกก ไม่มีคำว่าจบหลังกล้องเลยแม้แต่น้อย 
แล้วไอ้พวกนั้นเอาประโยคแบบนี้มาจากไหน? 
มาจากการที่ถ่ายรูปเสร็จ แล้วโยนกระบวนการต่าง ๆ ที่เหลือไปกับร้านที่รับล้างรูปไงครับ คือไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่รับรู้ด้วย บังเอิญว่าร้าน Dev ออกมาสวย ก็ Claim ความดีเข้าตัวเองที่เป็นคนถ่ายซะงั้น 
อย่าลืมนะครับว่า เปลี่ยนร้าน ผลลัพธ์ก็ไม่เท่ากัน 
ให้ถ่าย Digital ก็ประมาณว่า กดให้กล้อง Auto ไม่ก็โยนรูปที่ถ่ายได้ เขา Software Developer Image แล้วกด Auto อยู่ดีนั่นแหละ 

มนุษย์ผู้ทำอะไรเองไม่เป็น แล้วก็ด่าคนอื่นที่ทำเป็นว่า "ไม่แน่จริง" ประมาณนั้น 

ผมไม่รังเกียจกระบวนการได้ภาพแบบนี้นะ แต่ละคนมี way ที่เหมาะสมกันออกไป บางคนอาจจะรู้ขนาดที่ว่า "เฮ้ยยย ถ่ายแบบนี้ พอเอาเข้า Program แล้วกด Auto จะออกมาสวยเลย" ก็มี แต่นั่นแหละ มันคือความเหมาะสมของแต่ละคนไม่ใช่ "ทางที่ดีที่สุด" เสมอไป 


กลับมาเรื่อง File Digital ที่ถ่าย RAW มาแล้วกัน ว่าทำไมถึงบอกว่าจบหลังกล้องไม่ได้ 

RAW มันตรงตัวครับ คือ File ดิบ ที่ยังไม่ได้ Touch อะไรกับมันทั้งสิ้น มันดิบจริง ๆ เอาไปทำอะไรไม่ได้ แล้วถ้าเอามา Post ลงที่ไหนก็ตาม ก็ต้อง Compress RAW เป็น JPG ทั้งสิ้น ซึ่งมันคือการ Touch File ไปแล้ว เนื่องจาก Software ที่ใช้ Compress แต่ละตัวผลลัพธ์ไม่มีทางเท่ากัน ต้อง Diff จากกันบ้างเล็กน้อย (ไม่งั้นจะมีหลายตัวให้เลือกทำไม?) ดังนั้นการ Post รูป RAW จึงไม่มีอยู่จริง 

ถ่าย RAW มาแล้ว Post เลย ไม่เหมือนจบหลังกล้อง? 

ให้ตายก็ไม่เหมือนครับ  
RAW มันคือ File ดิบ ที่มีข้อมูลอะไรต่อมีอะไรอยู่ในนั้นเพียบ แล้วพอเอา RAW ไปเปิดด้วย Program อะไร ผลลัพธ์ก็ต่างกัน มันไม่มีทางเท่ากัน 
รวมถึงกล้อง Digital จะมีอยู่ 1 - 2 อย่างที่ติดมาด้วยคือ 
  1. Camera Profile - ซึ่งต่างกันไปแต่ละยี่ห้อ  มีไม่เหมือนกัน  มีตัวเลือกต่าง ๆ กันออกไป หรือจะใช้ Profile ของ Program ที่เปิด RAW ก็ได้ เช่น Adobe Colour, Adobe Vivid เป็นต้น 
  2. Picture Profile - บางยี่ห้อก็มี บางยี่ห้อก็ไม่มี ซึ่งส่งผลต่อ ภาพอีกเช่นกัน 
เอาแค่การ handling 2 เรื่องนี้ ก็ได้ผลลัพธ์ที่โคตรต่างงงงงงงง กันเยอะแล้ว 
_DSF9244


ซึ่งเรามักจะได้ยินคนที่ Handling File Digital ไม่เป็นมาบอกว่า "ถ่าย Raw ภาพจะ Drop จากกล้อง หน่อยครับ ไม่เหมือนถ่ายด้วย JPG"  เพราะเขาไม่รู้ว่า มันมี Camera Profile, Camera Calibration อะไรพวกนี้อยู่ด้วย (เพราะมันไม่ใช่อะไรที่จำเป็นต้องทำ เนื่องจากมันคือ 'ทางเลือก' ว่าจะจัดการยังไงกับ file ต่อ) 

ยกเว้นอย่างเดียวครับ คือ set ค่าต่าง ๆ แล้วถ่ายด้วย JPG ในกล้อง แล้วไม่ Touch ต่อเลย มันจะใกล้เคียงการจบหลังกล้องที่สุด คือการใช้ 
"โทนสี" ที่กล้องมีให้ (เหมือนเลือก film) 
"ปล่อยกล้องบันทึกเป็น JPG" (เหมือนใช้เครื่อง Develop Film อัตโนมัติ) 

ซึ่งก็คือการปล่อย "สิ่งที่ต้องทำ" บางส่วน ไปใช้ Auto นั่นเอง อยู่ที่ว่าถ้าเข้าใจความจริงข้อนี้แล้ว จะยังคิดและยอมรับได้หรือไม่ว่า มันคือฝีมือตัวเองล้วน ๆ หรือแค่ คนกด shutter แล้วที่เหลือผลักภาระไปให้กล้องจัดการแทน 



จบหลังกล้องไม่เคยมีอยู่จริง จบหลังกล้องไม่เคยมีอยู่จริง Reviewed by darkmaster on September 17, 2019 Rating: 5

No comments:

top navigation

Powered by Blogger.